Play-Based Learning รูปแบบการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

play based learning คือ

เคยได้ยินกันหรือไม่ว่า ‘จินตนาการและการเล่น’ คือบ่อเกิดของการเรียนรู้ โดยเฉพาะกับเด็กเล็กซึ่งจะมีความสนใจใคร่รู้ในสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาจดจ่ออยู่ ดังนั้น การเรียนผ่านการเล่น หรือ ‘Play-Based Learning’ คือรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก

มาศึกษาไปพร้อมกันว่าการเรียนรู้ผ่านการเล่น Play-Based Learning คืออะไร และสามารถส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านได้อย่างไร

สารบัญบทความ

ความหมายของ Play Based Learning คืออะไร

Play Based Learning คือ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ผ่านจากการละเล่นของเด็ก ให้เด็กได้ริเริ่มสร้างสรรค์ ทดลองทำสิ่งต่าง ๆ ที่เด็กสนใจอย่างอิสระและไม่จำกัดแนวคิด เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงจินตนาการของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการสอดแทรกทักษะความรู้ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ การดำรงชีวิต และกระบวนการพัฒนาการของเด็ก

การเรียนปนเล่นนี้ เป็นรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็ก นิยมใช้เป็นรูปแบบการสอนในโรงเรียนนานาชาติและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งจะกระตุ้นความสนใจและความสงสัยของเด็ก ในขณะเดียวกัน คุณครูก็จะมีการให้คำแนะนำ ตั้งคำถาม รวมถึงให้ความช่วยเหลือเพื่อให้การเรียนรู้ของเด็ก ๆ นั้นต่อเนื่องและสามารถต่อยอดต่อไปได้

Play Based Learning ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 5 ด้าน

ทักษะการเรียนรู้ 5 ด้าน

ทักษะการสร้างสรรค์และจินตนาการ (Creativity and Imagination)

ทักษะการเรียนรู้ 5 ด้านจากการเรียนรู้ผ่านการเล่นของเด็กอันดับแรกคือ ‘ทักษะการสร้างสรรค์และจินตนาการ’ ซึ่งจะมาจากการที่เด็กได้ทดลองเล่นหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมที่ตนเองต้องการโดยไร้ความกดดัน ยกตัวอย่างเช่น การเล่นบทบาทสมมุติเป็นตัวละครต่าง ๆ และนำสิ่งของที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติมาจินตนาการเป็นอุปกรณ์ เช่น ใบไม้ ก้อนหิน หรือท่อนไม้

การละเล่นเหล่านี้จะทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ รวมถึงได้ฝึกทักษะการแก้ไขปัญหา หรือ Design Thinking อีกด้วย

ทักษะด้านภาษาและการพัฒนาการอ่านเขียน (Language and Literacy Development)

ทักษะที่จะได้จาก Play Based Learning คือ ทักษะด้านภาษาและการพัฒนาการอ่านเขียน ซึ่งจะมาจากการที่เด็กได้พูดคุยสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับของเล่น หรือการสื่อสารกับกลุ่มเพื่อนระหว่างการเล่นบทบาทสมมุติ

โดยผลที่ได้จากการสื่อสารเหล่านี้ จะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะการพูดคุย โต้แย้ง ตั้งคำถาม พร้อมกับเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ไปในตัว และเพื่อเสริมทักษะด้านภาษา คำศัพท์และการเขียนให้มากขึ้น คุณครูก็จะมีหน้าที่ป้อนข้อมูลเหล่านั้นเข้าไปเพิ่มโดยการแนะนำ ช่วยเหลือด้านคำศัพท์ และกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้

ทักษะและพัฒนาการด้านสังคมและความรู้สึก (Social and Emotional Skills)

ทักษะและพัฒนาการด้านสังคมและความรู้สึก จะเป็นการเรียนรู้วิธีเข้าสังคมจากการเรียนรู้ผ่านการเล่น ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมกัน การปรับตัว การจัดการสถานการณ์และแก้ไขปัญหา ซึ่งแน่นอนว่าเด็กอาจจะพบเจอกับความขัดแย้งระหว่างการเล่น ดังนั้นคุณครูจึงมีหน้าที่สอนให้เด็กรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นให้ได้ด้วยเหตุผลและสิ่งที่เด็กสามารถเข้าใจได้ง่าย

ทักษะด้านสังคมและความรู้สึกเป็นหนึ่งในทักษะที่ควรพัฒนาในเด็ก เพื่อให้พวกเขาสามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ตนเองประสบพบเจอได้

พัฒนาการทางด้านร่างกาย (Motor Skills)

การเรียนรู้ผ่านการเล่น Play Based Learning จะช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกายได้ทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นทั่วไป การกระโดด วิ่ง หรือแม้แต่การเล่นต่อบล็อกและการวาดรูประบายสี

พัฒนาการด้านความกล้าหาญ (Courage)

ทักษะที่จะได้เสริมจากการเรียนรู้ Play Based Learning คือ ความกล้าหาญ เพราะเด็ก ๆ จะต้องพบเจอสถานการณ์หลากหลายระหว่างการเล่น ไม่ว่าจะเป็นความกล้าที่จะเริ่มลองเล่น ทดลองอะไรใหม่ ๆ หรือการเล่นที่ต้องมีการสื่อสารและสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจพบเจอความขัดแย้งหรือการโต้เถียงกันระหว่างการเล่นได้ 

สถานการณ์เหล่านั้นจะฝึกให้เด็กมีความกล้าในการแสดงความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง โดยอาจมีการสนับสนุนจากคุณครู แต่ต้องไม่ก่อให้เกิดความกดดัน และเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์

ประเภทของการเล่นในการเรียนรู้ 

เรียนรู้ผ่านการเล่น

การเล่นเชิงสร้างสรรค์

การเล่นเชิงสร้างสรรค์ผ่านการเรียนรู้แบบ Play Based Learning คือการเล่นจากสิ่งที่เด็กสนใจ หรือเล่นเป็นประจำอยู่แล้ว และนำมาต่อยอดให้เกิดการเรียนรู้สอดแทรกไปในการเล่นนั้น

การเล่นสมมติ

การเล่นบทบาทสมมุติ จะเป็นการเล่นที่เสริมทักษะการสื่อสารและจินตนาการได้มากที่สุด โดยจะเป็นการจำลองบทบาทต่าง ๆ ที่เด็กมีความสนใจ เช่น เล่นพ่อแม่ลูก เปิดร้านขายอาหาร แพทย์ หรือพยาบาล เป็นต้น

การเล่นที่มีโครงสร้าง

การเล่นที่มีโครงสร้าง อาจจะเริ่มด้วยการทดลองที่มีแบบแผน ให้เด็กได้ลองเล่นและทำความเข้าใจ ทำการทดลองอย่างอิสระด้วยตนเอง และเพิ่มการสนับสนุนให้ความรู้จากคุณครูหากเด็กมีข้อสงสัยในกระบวนการหรือผลลัพธ์ 

การเล่นแบบอิสระ

การเล่นแบบอิสระ จะเป็นการเล่นแบบทั่วไป เช่น การวิ่ง กระโดด การปีนป่าย การวาดรูประบายสี เป็นการพัฒนากล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Play Based Learning ในชีวิตจริง

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

  • การเล่นเพื่อพัฒนาภาษาและคณิตศาสตร์

อาจมาจากการเล่นที่มีการนำตัวเลขมาใช้ในการเรียนรู้แบบ Play Based Learning คือ การเล่นบทบาทสมมุติ เช่น เล่นทำร้านอาหารซึ่งมีการคิดราคา การทอนเงิน หรือการสื่อสารเพื่อเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ

  • กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการเล่นกีฬา

เป็นการเสริมความรู้ในด้านการทำตามกฎกติกา การยอมรับในผลแพ้ชนะ โดยผู้ปกครองอาจมีการถามเด็กว่าได้เรียนรู้อะไรจากการเล่นบ้าง เพื่อทดสอบความรู้และความจำของเด็กได้อีกด้วย

  • การเรียนรู้ผ่านการเล่นในสวนหรือสนามเด็กเล่น

ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การเล่นบนเครื่องเล่นที่ต้องมีการเดินข้ามสะพาน หรือการปีนเขาจำลอง

4 แนวคิดที่จะได้จาก Play Based Learning

การมีส่วนร่วม (Engagement)

แนวคิดที่จะได้จาก Play Based Learning คือ การมีส่วนร่วมของเด็ก ๆ ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยจะต้องมีการกระตุ้นให้เด็กมีความสงสัยและตั้งคำถาม รวมถึงเสริมทักษะในการปรึกษาหารือกันในระหว่างกลุ่มเพื่อน โดยการมีส่วนร่วมจะเป็นการปลูกฝังทักษะทางสังคมได้อีกด้วย

การพัฒนาตนเอง (Self-Development)

การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะทำให้เด็กได้พัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะ หรือความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากเด็กจะได้ทำการทดลองและลงมือทำในสิ่งที่สนใจด้วยตนเอง เมื่อเด็กเกิดความสนุกสนานก็จะเกิดการพัฒนาตัวเองในระหว่างการเรียนรู้ได้

การสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ (Reflection)

การสะท้อนความคิดในการเรียนรู้จาก Play Based Learning คือการนำสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่นมาสรุปหรือทบทวน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ทั้งหมด และฝึกทักษะการสรุปความคิด รวมถึงนำไปพูดคุยแบ่งปันความรู้กับเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย

การเริ่มคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Innovative Skills)

การที่เด็กได้ทำในสิ่งที่ตนเองจดจ่อหรือให้ความสนใจ เมื่อเกิดความสนุกสนานขึ้นจะกระตุ้นให้เด็กมีแรงบันดาลใจในการคิดริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการพัฒนาในด้านของความคิดสร้างสรรค์ โดยคุณครูหรือผู้ปกครองต้องรับฟังความคิดของเด็กอย่างเปิดกว้าง และนำมาหาข้อสรุปในการต่อยอดจินตนาการของเด็ก

แนวทางในการส่งเสริม Play Based Learning

การออกแบบกิจกรรมให้เด็กได้เล่นและเรียนรู้

การเรียนการสอนแบบทั่วไป หรือการอ่านตามกระดาษอาจไม่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ดังนั้นคุณครูควรที่จะทำการออกแบบกิจกรรมให้เด็กได้เล่นและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน โดยอาจจะสร้างสถานการณ์สมมุติ หรือทำเป็นเกมเพื่อกระตุ้นให้เด็กสนใจและอยากเล่น

บทบาทของครูและผู้ปกครองในการสร้างสภาพแวดล้อม

คุณครูและผู้ปกครองก็เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ผ่านการเล่นเช่นกัน ซึ่งการ Play Based Learning คือการสร้างสภาพแวดล้อมของการเรียนในรูปแบบของ การเล่น ให้มีการสอดแทรกทักษะและการเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ

ดังนั้น คุณครูและผู้ปกครองจะต้องมีบทบาทในการกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเตรียมอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนจินตนาการของเด็ก หรือการเล่นบทบาทสมมุติไปพร้อมกับเด็ก เป็นต้น

วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ผ่านการเล่น

เพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ อาจมีการถามทบทวนความรู้กับเด็กว่าในการเล่นแต่ละครั้ง เด็กได้เรียนรู้อะไรมา เพื่อทดสอบการจดจำและประเมินว่าเด็กได้เรียนรู้ทักษะหรือมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้วบ้าง

Play Based Learning ต่างจากการเรียนแบบเดิม ๆ อย่างไร

การเรียนแบบเดิม จะเป็นการที่ผู้สอนเน้นให้เด็กเรียนตามสิ่งที่ได้เตรียมมา ซึ่งจะเน้นไปที่การท่องจำและศูนย์กลางอยู่ที่คุณครู ดังนั้นอาจทำให้เด็กและคุณครูมีการสื่อสารกันน้อยลง หรือเด็กไม่รู้สึกสนใจและไม่มีความกระตุ้นให้อยากตอบคำถามและมีส่วนร่วมกับเนื้อหา

แต่การเรียนแบบ Play Based Learning คือการที่คุณครูและเด็กจะมีส่วนร่วมไปพร้อมกัน โดยเน้นไปที่การให้อิสระแก่เด็กในสิ่งที่เด็กสนใจ ภายใต้การสอดแทรกการเรียนรู้ มีการออกแบบการเรียนในรูปแบบของกิจกรรมเพื่อให้เด็กมีความใคร่รู้และมีความสนุกสนาน โดยคุณครูจะอยู่ในสถานะที่ปรึกษา ช่วยเหลือ แก้ไข และสนับสนุนแนวคิดของเด็ก

สรุป Play Based Learning ส่งเสริมและต่อยอดจินตนาการสู่การเรียนรู้

Play Based Learning คือ การเรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก เป็นการกระตุ้นให้เด็กสนใจทดลองสิ่งใหม่ ๆ อย่างอิสระ ไม่จำกัดแนวคิดและขอบเขต โดยการเรียนรู้ผ่านการเล่นด้วย Extracurricular Activities ในแขนงต่าง ๆ จะสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ทั้ง 5 ด้านของเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเข้าสังคม ทักษะความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ จนไปถึงพัฒนาทักษะของกล้ามเนื้อและร่างกาย

Regent’s International School Bangkok โรงเรียนอนุบาลนานาชาติหลักสูตรภาษาอังกฤษที่มีชั้นเรียนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล จนถึง Year 1 เน้นออกแบบการพัฒนาการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และเหมาะสมกับวัยของเด็ก ฝึกการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นหลักการ เสริมสร้างศักยภาพรอบด้านของนักเรียน โดยคุณครูที่ผ่านหลักสูตรการสอนขั้นสูง (Qulified Teacher Status)

เราเชื่อว่า การเรียนรู้ที่ดี คือการสร้างสภาวะที่เหมาะสมให้กับเด็ก และการให้เด็กเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากการเล่นด้วยความสนุกสนานตามวัยของพวกเขา จะสามารถพัฒนาเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานอย่างถูกต้องได้เลย หากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้ บริษัทจึงไม่มีความจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านในการจัดวางคุกกี้เหล่านี้ลงในอุปกรณ์ของท่าน คุกกี้ประเภทนี้ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถระบุตัวตนของท่านได้อย่างเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน

    คุกกี้ประเภทนี้ ทำให้บริษัทสามารถรับรู้ข้อมูลประสิทธิภาพเว็บไซต์ได้ โดยการเก็บรวบรวมและการรายงานข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนของท่าน ช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาและส่งมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นแก่ท่าน หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ บริษัทจะไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ของท่าน และไม่สามารถติดตามประสิทธิภาพการประมวลผลของหน้าเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์

    คุกกี้ประเภทนี้ อาจถูกติดตั้งไว้โดยบริษัทหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยเป็นคุกกี้ประเภทที่ทำให้เว็บไซต์สามารถช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการใช้งานให้ท่านได้ หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ บางฟังก์ชั่นบนเว็บไซต์อาจไม่สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้ อาจถูกติดตั้งไว้โดยบริษัท หรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยคุกกี้ดังกล่าว จะทำการจัดเก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของท่าน โดยบริษัทใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อกำหนดให้เว็บไซต์ และโฆษณาที่ถูกจัดแสดงในเว็บไซต์ของบริษัท เว็บไซต์ในเครือข่ายพันธมิตรของผู้ให้บริการโฆษณา โซเชียลมีเดียตามช่องทางของบริษัท และโซเชียลมีเดียตามช่องทางของผู้ให้บริการโฆษณา มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจของท่านมากขึ้น โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ แก่บุคคลที่สาม เพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วย หากท่านไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ ท่านจะได้รับการโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงน้อยลง

บันทึกการตั้งค่า